ผู้ประพันธ์: คาร์ล แอดอล์ฟ เกลเลอโรป นักประพันธ์ชาวเดนมาร์ก ผู้แปล:เสฐียรโกเศศ–นาคะประทีป |
ความรู้สึกที่มีต่อวรรณกรรมชิ้นนี้
“กามนิต วาสิฏฐี” วรรณกรรมเรื่องนี้เป็นหนึ่งในร้อยเล่มหนังสือดีที่คนไทยควรอ่าน สำหรับข้าพเจ้าแล้วเห็นด้วยเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อได้อ่านก็รู้สึกสัมผัสได้ถึงความสวยงามของภาษาไทย และบทบรรยายที่ยากจะหาได้จากวรรณกรรมเรื่องอื่นๆ เพราะอย่างหนึ่ง วรรณกรรมชิ้นนี้เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา แต่ผู้ที่แต่งเรื่องนี้ไม่ได้เป็นผู้ที่เกิดในดินแดนของพุทธศาสนา แต่ด้วยเนื้อเรื่องกลับทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกทึ่งในความฉลาดปราดเปรื่องที่ผู้แต่งสามารถอ้างอิงบุคคล และสถานที่ได้อย่างสมจริงสมจัง อีกทั้งยังผูกโยงเรื่องความรัก ความเศร้าโศกอาลัยอาวร และความปลื้มปิติในการหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดอันเป็นแก่นสารสำคัญตามความเชื่อของศาสนาพุทธเอาไว้ได้อย่างลงตัว
ในส่วนของผู้แปลซึ่งก็ได้แปลมาจากฉบับภาษาอังกฤษนั้นก็สามารถที่จะเลือกสรรถ้อยคำ อุปมา อุปไมยมาใช้ได้อย่างลงตัว เพราะมีทั้งความไพเราะและความหมายที่ลึกซื้งชัดเจน เห็นได้ชัดว่าผู้แปลมีความรู้ทางด้านภาษาสูงมาก และยังมีความพยายามในการแปลด้วยการค้นคว้าหาข้อมูลมาเป็นอย่างดีกว่าจะได้เป็นผลงานแปลชิ้นนี้ โดยรู้ได้จากที่ผู้แปลได้อธิบายไว้ทั้งในคำนำของหนังสือ และภาคผนวกถึงที่มาที่ไป และเคล็ดลับในการแปล นับว่าเป็นวรรณกรรมที่เหมาะสำหรับอ่านเอาความสนุกในด้านเรื่องราว และเอาประโยชน์จากการเรียนรู้ทางด้านภาษา และการแปลวรรณกรรมอีกด้วย
วรรณกรรมเรื่องนี้จึงเหมาะกับผู้ที่ชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว และน่าจะเป็นเด็กโตสักหน่อยอายุสัก 14 ปีขึ้นไป ไปจนถึงผู้ใหญ่ เพราะหากเป็นเด็กไปกว่านั้นอาจเห็นว่าอ่านยากและเข้าใจยากเนื่องจากภาษาที่ค่อนข้างเก่า และมีคำสมาส สนธิ อยู่มากสำหรับผู้ที่สนใจอ่าน เวลาอ่านอยากให้อ่านทีเดียวจนจบเพราะจะได้ไม่ขาดตอน ในส่วนของภาษาที่ดูจะอ่านยากน่าเบื่อไปสักหน่อยนั้น พอได้ลงมืออ่านจริงๆกลับกลายเป็นว่าอ่านง่ายเพราะเป็นคำคล้องจองเสียด้วยซ้ำไป และคำศัพท์ส่วนใหญ่ก็เข้าใจง่าย แต่ก็ยังมีคำศัพท์ที่เข้าใจยากอยู่บ้างเหมือนกันแต่เมื่ออ่านตามบริบทจะสามารถเดาความหมายได้ แต่อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าก็คิดว่าไม่ได้เป็นการเสียเวลาเลย หากจะต้องเจียดเวลามาค้นหาความหมายจากพจนานุกรมบ้างเพราะผู้อ่านก็จะได้รู้ศัพท์คำไทยเพิ่มเติมไปด้วย
นึกถึงเมื่อสมัยเด็กข้าพเจ้าเคยได้อ่าน กามนิต เฉพาะแต่ภาคบนดินมาแล้ว แต่กลับหาความสนุกไม่ได้เลย และไม่เข้าใจความหมายที่บรรยายเลย จับใจความได้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น ว่ามีกามนิตหนุ่ม กับวาสิฏฐีคู่รักเท่านั้นไม่ได้สัมผัสถึงความเชื่อ และแก่นสาระของพุทธศาสนาเลยแม้แต่นิดเดียว แต่เมื่อเวลาผ่านไปข้าพเจ้าโตขึ้นมา และได้มีโอกาสได้กลับมาอ่านอีกครั้ง แถมเป็นฉบับสมบูรณ์ด้วย กลับทำให้รักวรรณกรรมเรื่องนี้ไปในทันทีและอดไม่ได้ที่จะต้องบอกต่อ และประกาศถึงสรรพคุณของ วรรณกรรมเรื่องนี้ โดยเฉพาะคนที่รักศาสนาพุทธเหมือนข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าอ่านจบก็รู้สึกได้เลยว่ามีความสุขมาก อิ่มเอม และได้รับคุณค่ามากมาย ทั้งเรื่องของภาษาจากคำศัพท์ที่ใช้ จากการเปรียบเปรยพรรณาโวหาร และได้คุณค่าทางธรรม (ซึ้งในรสพระธรรม) ที่สามารถสอน และนำเอาไปปฏิบัติใช้ได้จริง เพราะธรรมะที่มีสอดแทรกอยู่ในเรื่องเป็นธรรมที่ล้วนแล้วแต่เป็นธรรมสำคัญจากพระโอษฐ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งสิ้น ทั้งอริยสัจสี่ มรรคแปด และธรรมของการปกครองและการใช้ชีวิตต่างๆ ข้าพเจ้าจึงขอชื่นชมจากใจจริงสำหรับผู้แต่ง และผู้ที่แปล เพราะหากไม่มีแล้วข้าพเจ้าคงไม่ได้อ่านนวนิยายที่ดีมีคุณค่าเช่นนี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น